ดราม่าพลิก! พ่อวัยชราจบชีวิตเพียงลำพัง ลูกสาว ออกมาโต้ ที่เขียนในไวท์บอร์ดไม่ใช่เรื่องจริง ด้านน้องสาวผู้เสียชีวิตยันหลานทั้ง 3 ดีทุกคน

เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 21 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาปลงศพวัดพรหมสุวรรณ ตั้งอยู่ ม.2 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา บรรดาญาติ...




เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 21 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาปลงศพวัดพรหมสุวรรณ ตั้งอยู่ ม.2 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา บรรดาญาติและบุตรของนายบุญศรี เข็มทอง อายุ 78 ปี ผู้ที่ก่อเหตุกินยานอนหลับแบบตำป่นกว่า 50 เม็ด ปลิดชีพตนเองภายในบ้านพัก ในพื้นที่ ม.1 ต.คลองนา ทั้งยังเขียนข้อความตัดพ้อต่อว่าบุตรชายหญิงทั้ง 3 คนอย่างรุนแรง หลังจากขอเงินเพื่อใช้ประทังชีวิต แล้วถูกปฏิเสธ

ญาติๆ ได้นำร่างของนายบุญศรี มาประกอบพิธีทางศาสนาตั้งสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยที่มีนางบุญยงค์ เข็มทอง อายุ 68 ปี น้องสาวคนสุดท้องของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาจาก ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พร้อมกับบรรดาญาติและหลานที่เดินทางมาด้วย ซึ่งภายในงานได้มีทั้งบุตรสาวบุตรชายของนายบุญศรี ได้เดินทางมาช่วยกันจัดงานพิธีศพให้ โดยนางบุญยงค์นั้น ยังอยู่ในภาวะโศกเศร้าร่ำไห้ ขณะเข้าจุดธูปเคารพศพพี่ชาย หลังจากได้ตกแต่งประดับดอกไม้หน้าพิธีแล้วเสร็จ



พร้อมรำพันบอกหากเจ็บไข้ตายจะไม่เสียใจเลย ทำไมถึงทิ้งน้องไป ทิ้งน้องไปทำไม พร้อมยังกล่าวบอกต่อดวงวิญญาณพี่ชายสวนทางกันกลับ ลุงบุญศรีที่เขียนกระดานไวท์บอร์ดบอกลูกๆ ไว้ว่า เราเกิดเป็นพ่อลูกกันชาตินี้ชาติเดียวพอ ระบุว่า หากเกิดชาติหน้าขอกลับมาเป็นพี่น้องกันอีก พร้อมยังบอกให้ไปตกอยู่ในท้องของคนรวย จะได้ไม่ต้องลำบาก เพราะพี่ชายลำบากมาตลอดตั้งแต่เด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน ไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงน้องแล้ว ไม่น่าทำแบบนี้เลยได้ยินไหมที่น้องพูดนี่ โดยนางบุญยงค์ นั่งรำพันร้องไห้จนเข่าอ่อน ก่อนที่หลานชายจะรีบเข้ามาช่วยพยุงพาเดินออกไปจากหน้าจุดไหว้เคารพศพ



โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางราตรี อายุ 52 ปี บุตรสาวคนโตของนายบุญศรี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า ตนเองเป็นผู้ส่งเสียให้เงินแก่ผู้เป็นบิดาในทุกเดือนไม่เคยขาด เพราะเป็นคนรับผิดชอบดูแลมาโดยตลอด และบ้านที่พ่ออยู่ก็เป็นบ้านของตนเอง ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งค่าน้ำค่าไฟตนก็ยังเป็นคนจ่าย ส่วนที่ผู้เป็นพ่อเขียนกระดานไวท์บอร์ดเอาไว้อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเกิดจากเหตุผลอะไร และยังเขียนแบบนี้ไปสั่งเสียกับทางญาติทุกคนเลย และพ่อก็ยังเคยขู่จะจบชีวิตตัวเองด้วยการกินยามาโดยตลอดนานหลายปีแล้ว
ขณะที่นางบุญยงค์ กล่าวเสริมว่า หลานสาวคนโตนั้น เขาดูแลพี่ชายมาโดยตลอด ทั้งโอนเงินให้ใช้และซื้อรถให้ขับ โดยตนรับรู้มาตลอด เพราะคุยกันอยู่เรื่อย 2 วันคุยกัน 1 ครั้ง โดยก่อนที่พี่ชายจะกินยาจบชีวิต
ตนเองอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่า อย่าทำอย่างนั้นนะ ถ้าอยู่ที่แปดริ้วเหงาให้มาอยู่ที่ปราจีนกับน้อง แต่แกไม่ยอมไป และเป็นอย่างนี้มานานแล้ว จึงได้บอกว่า ทิดอย่าทำเป็นเด็กเลี้ยงแกะนะ หลอกว่าจะกินยาๆ หลอกให้คนอื่นเขาตกใจ แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นมาจริงๆ



ในอดีตนั้น พี่ชายทำอาชีพขับรถเมื่อสมัยหนุ่มๆ โดยภรรยาคนแรกที่เป็นมารดาของหลาน 3 คนนั้น ได้ป่วยเสียชีวิตลงไปก่อนเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว จึงได้หันมาขับรถสองแถวและมีภรรยาใหม่ แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน และเมื่อภรรยาใหม่ป่วยเสียชีวิตลงอีก เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว จึงได้เลิกขับรถ โดยที่มีหลานสาวคนโตเป็นผู้ดูแลส่งเสียเงินให้เป็นอย่างดี 3-5 พันบาทต่อเดือน โดยเฉพาะบุตรเขยนั้น หากทำงานเดือนไหนได้ดีจะให้มากถึง 2-3 หมื่นบาท ส่วนบุตรชายอีกสองคนนั้นก็มีส่งให้บ้างแต่ไม่มาก
แต่เขาไม่เข้าใจ เป็นซึมเศร้าแล้วคิดไปเอง จะอธิบายอะไรเขาก็ไม่ฟัง ทำให้คุยกันไม่รู้เรื่องและยังชอบต่อว่าบ่นคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย เมื่อบุตรชายมานอนที่บ้านด้วยก็จะเร่งให้รีบปิดไฟนอน โดยบอกว่าจะพักผ่อน ซึ่งพี่ชายมักจะกินยานอนหลับเป็นประจำและเป็นค่อนข้างมาก จึงพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง และมักจะเดินทางไปหาตนเองที่ปราจีนบ่อยครั้ง ล่าสุด ได้มาชวนให้ตนไป จ.พิษณุโลก ด้วยกันเพื่อไปเยี่ยมน้องต่างมารดาอีกคน แต่ตนเองเพิ่งลอกกระจกตาใหม่ๆ ยังไปไม่ได้ แต่พี่ชายกลับบอกว่างั้นก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จึงมาทำอย่างนี้แหละ เรื่องจึงมีแค่นี้และไม่ได้มีอะไรกับใครเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าที่เขียนระบายไว้ว่าขอเงินลูกไม่ได้นั้น นางบุญยงค์ ตอบว่าไม่ใช่เลย โดยเฉพาะบุตรเขยหากเขาหาเงินได้เยอะเขาจะให้มากถึง 3-4 หมื่นทั้งยังซื้อทองให้พ่อซื้อรถให้ขับ เขาเป็นคนใจดีทั้งที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนบุตรชายที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็มาดูแลเวลามีเงินก็ยังพาไปเที่ยวพาไปกินอย่างดี ไม่ได้มีใครทอดทิ้ง แต่แกเสียใจของแกไปเอง ซึ่งตนเองก็ยังเป็นอาการนี้แต่ได้หลานชายที่ช่วยพาไปรักษายังที่ รพ.และกินยาได้ทันก่อนจึงไม่เครียด แต่พี่ชายไม่ยอมกินยาไม่ยอมรับความจริงบอกอย่างไรแกก็ไม่เชื่อไม่ฟัง
ส่วนยานอนหลับนั้นไม่ทราบว่าไปซื้อมาจากที่ไหน แต่แกไม่ยอมกินยาของทางโรงพยาบาล ทั้งยังบอกว่าเตรียมยาไว้แล้วนะ 300 เม็ดจะเอามาตำใส่ครกทั้งยังถ่ายภาพส่งมาให้ดู ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าจะทำอย่างนี้จริงๆ เพราะเห็นพูดอย่างนี้มาหลายปีแล้ว จึงเคยพูดหยอกว่าอย่างนี้ก็เป็นเด็กเลี้ยงแกะน่ะสิ ถึงตอนนี้ยังบ่นอยู่ว่า ถ้ายังไม่ตายนะจะด่าให้ ที่ไหนได้พอมารู้พี่ชายก็ตายไปแล้ว



ส่วนสาเหตุที่ตนเองป่วยเป็นซึมเศร้าคล้ายกับพี่ชายนั้น เพราะถูกบุตรสาวทอดทิ้งไปนานกว่า 7 ปีแล้ว และไม่เคยส่งเสียให้เงินแม้แต่บาทเดียวนานถึง 7-8 ปีแล้ว ทั้งยังถูกบุตรสาวต่อว่า บอกว่าไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ โดยเราก็ไม่ตอบโต้อะไรและไม่ขอ หลังจากที่สามีได้เสียชีวิตไปและหลานได้เสียชีวิตตามไปอีกคน ปัจจุบันมีเงินใช้จ่ายจากเงินคนพิการและเงินคนชราจากรัฐบาลเดือนละ 1,400 บาทเท่านั้น จึงทำให้เกิดเป็นภาวะโรคซึมเศร้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเองว่าเราเป็น
โดยตนมีบุตรชายหญิงรวม 2 คน หลังจากบุตรสาวทอดทิ้งไปจึงเหลือเพียงบุตรชายที่ร่างกายไม่ค่อยดีทำงานหนักไม่ไหว แต่ก็ยังให้เงินบ้างครั้งละ 500-1,000 บาท และบางครั้งให้ 2 พันบาท แต่หลังจากเกิดโรคโควิด 19 ระบาดแล้วเขาก็ไม่มีเงินให้ แต่บุตรสาวไม่เคยให้เงินมากินเลยนานถึง 7 ปีแล้วแถมยังด่าเราอีกด้วย จึงอยากบอกว่าคนที่ถูกทอดทิ้งจริงๆ นั้น คือตนเองมากกว่า ที่ปัจจุบันนั้นได้แต่อาศัยคนข้างบ้านที่นำมาให้กินบ้าง บางคนก็ช่วยซื้อข้าวสารมาให้ บางคนก็ให้ไข่ไก่มา 1 ถาด โดยไข่ 2 ฟองกินได้ 1 วันรวม 3 มื้อ
สำหรับบุตรสาวนั้น ทั้งที่เป็นคนส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรี แต่พอทำงานแล้วเขากลับไม่เอาเราเลย จึงไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร แต่ตนไม่คิดที่จะฆ่าตัวตายเพราะยังมีหลานอยู่ด้วยอีกคน และบางครั้งที่มีหลานๆ มา ก็จะมีหยิบยื่นมาให้ใช้บ้างครั้งละ 500- 1,000 บาทจึงพออยู่ได้ ส่วนเงินคนพิการ 800 เงินคนชรา 600 รวม 1,400 บาทนั้นใช้จ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟก็หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงาน

You Might Also Like

0 comments