งานนี้โอละพ่อ คดีพลิกแรง แพทย์ยันผลชันสูตรครั้งที่ 3 น้องซูลุยผิว ยันเสียชีวิตเอง จวกพ่อ-แม่ ให้การเท็จ

จากกรณี ด.ช.ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ 1 เดือน ชาวเมียร์มา ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพื้นที่ป่าอ้อยนับพันไร่ บริเวณ หมู่ 9 ต.สระพังลาน...





จากกรณี ด.ช.ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ 1 เดือน ชาวเมียร์มา ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพื้นที่ป่าอ้อยนับพันไร่ บริเวณ หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา การค้นหาเป็นไปอย่างต่อเนื่องมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง ชาวบ้าน และจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหน่วยงานต่างๆ นับร้อยนายต่างระดมกำลังเข้าร่วมค้นหาหนูน้อยชาวเมียร์มารายนี้ให้ได้ โดยปักหลักค้นหากันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันทั้งคืน
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ วันที่ 25 ธ.ค.61 ทำเอาผู้เป็นพ่อและแม่หัวใจแตกสลาย หลังได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เจอร่างหนูน้อย ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ ชาวพม่าเเล้ว สภาพนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำเสียชีวิต ภายในไร่อ้อยดังกล่าว ซึ่งห่างจากจุดที่หายตัวไปประมาณ 5 กิโลเมตร โดยที่ นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ออกมาแถลงข่าวพร้อมยืนยันว่า พบเด็กเมียนมาที่หายไปในไร่อ้อยแล้ว ในสภาพเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ชี้เสียชีวิตมาหลายวันแล้ว
ต่อมาได้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ชัดมากยิ่งขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่เล่าว่าตอนพบร่างของ ด.ช.ซูลุยผิว นั้นน้องได้นอนเสียชีวิตอยู่ในร่องน้ำ ขนาดกว้าง 3 เมตร ลึก 2 เมตร สวมเสื้อยึดแขนยาวลายการ์ตูน กางเกงขาสั้น เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5-7 วัน ในที่เกิดเหตุยังพบรองเท้าเด็กสีแดง 1ข้าง หมวกแก็ปสีฟ้า 1ใบและรถแบ็กโฮของเด็กเล่น 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน





ในขณะที่ยังเป็นเรื่องคาใจสำหรับผู้เป็นพ่อแม่และญาติ ที่รอคำยืนยันอย่างเป็นทางการ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของ น้องซูลุยผิว วัย 2 ขวบ ที่สูญหายก่อนพบศพอยู่ในรางน้ำ ในไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังพบศพ มีการผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุการเสียชีวิตของ หนูน้อยซูลุยผิว ถึง 2 ครั้ง และผลก็ออกมาว่า หนูน้อยเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย แต่ครอบครัวยังไม่ปักใจเชื่อ และมั่นใจว่า ลูกชายโดนฆาตกรรม จึงมีการผ่าพิสูจน์ศพหนูน้อยเป็นครั้งที่ 3
ล่าสุด 28 ธ.ค. 61 ผลชันสูตรศพครั้งที่ 3 ของน้องซูลุยผิว ก็ได้ออกมาอย่างชัดเจน โดย ผศ.นพ. วรวีร์ ไวยวุฒิ ผอ.กองสารพันธุกรรม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือมีรอยแตกหักของกระดูก พบเพียงร่องรอยจากการถูกสัตว์กัดแทะบริเวณต้นขากระดูกเชิงกราน และใบหน้า ส่วนจมูกที่พบว่าหายไปนั้น คาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกสัตว์กัดแทะภายหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากการตรวจสอบชิ้นเนื้อไม่พบรอยช้ำ ซึ่งในทางนิติวิทยาศาสตร์ระบุได้แน่ชัดว่า เกิดจากถูกสัตว์กัดแทะหลังการเสียชีวิตแล้ว
ส่วนกรณีเรื่องกระดูกขาที่ผิดรูป ยืนยันได้ว่าเกิดจากการเน่าสลายของเส้นเอ็นข้อต่อ เนื่องจากการตรวจสอบทั้งภาพถ่ายรังสี และการชันสูตรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเน่าเปื่อยไม่พบว่ามีกระดูกร่างกายแตกหัก และประเด็นการป่วยเป็นโรคโปลิโอ จากการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้ความเห็นยืนยันได้ว่าสภาพศพของ น้องซูลุยผิว ไม่พบความผิดปกติของกระดูกที่เข้าข่ายการเป็นโรคโปลิโอแต่อย่างใด เพราะขนาดกระดูกขาทั้งสองข้างมีขนาดเท่ากัน


ทั้งนี้ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมสามารถยืนยันผลการชันสูตรครั้งนี้ว่า มีความสอดคล้องกับผลตรวจจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้จะสรุปผลชันสูตรเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งให้พนักงานสอบสวนและให้ทางครอบครัว เพื่อดำเนินการรับศพ น้องซูลุยผิว กลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
จากเรื่องราวนี้ทำเอากระแสสังคมตีกลับอย่างหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้ พ่อ-แม่ ของเด็กออกมาให้การว่า ลูกชายป่วยเป็นโปลิโอ ไม่น่าจะเดินไกลได้ถึงขนาดนั้น และรอยบาดแผลต่างๆ ที่พุ่งเป้าไปที่คนขับรถไถ จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกัน หลังความจริงปรากฏก็ทำเอาชาวเน็ตเกิดความไม่พอใจ และยังเตือนอีกว่า ระวังจะโดนแจ้งข้อหา ให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่



You Might Also Like

0 comments